คำศัพท์

Pregnancy

      การตั้งครรภ์ ประกอบด้วยมิติต่างๆ ทั้งสังคมวัฒนธรรม จิตวิทยา สรีระ และจิตวิญญาณ  เนื่องจากสังคมคาดหวังว่าผู้หญิงที่ตั้งครรภ์คือผู้สืบทอดอนาคต  การตั้งครรภ์จึงมีความสำคัญทางสังคมมาก  ทุกๆวัฒนธรรมต่างมีการควบคุมและดูแลผู้หญิงที่ตั้งครรภ์  ถึงแม้ว่าการตั้งครรภ์จะมิใช่เรื่องแปลก แต่ทุกสังคมก็มีวิธีจัดการเฉพาะอย่างแตกต่างกัน   ตัวอย่างเช่น ในวัฒนธรรมโพลิเนเซียน เมื่อคนในครอบครัวตั้งครรภ์ ทุกๆคนจะรู้สึกปราบปลื้ม  สตรีที่ตั้งครรภ์จะได้รับการดูแลเอาใจใส่จนกว่าจะถึงเวลาคลอด และมีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้   ทุกๆคนจะให้เกียรติหญิงมีครรภ์  ผู้หญิงวัยกลางคนจะเข้ามาดูแลและนวดให้พวกเธอ   ตรงข้ามกับวัฒนธรรมวิคตอเรียในอังกฤษและอเมริกา ซึ่งสตรีชั้นสูงจะถูกควบคุมตัวให้อยู่แต่ในบ้านตลอดระยะเวลาที่เธอตั้งครรภ์  เนื่องจากสังคมวิคตอเรียเชื่อว่าการตั้งครรภ์เป็นเรื่องน่าอาย เพราะเป็นสัญลักษณ์ของการมีกิจกรรมทางเพศ  ดังนั้นสตรีมีครรภ์จึงต้องหลบซ่อนอยู่ในพื้นที่เฉพาะ ไม่อาจออกมาสู่สังคมได้

          ความแตกต่างทางวัฒนธรรมที่มีต่อความเชื่อเรื่องการตั้งครรภ์ พิจารณาได้จากแนวคิดเรื่องสาเหตุของการตั้งครรภ์ ซึ่งนำไปสู่การแสดงออกเชิงความหมายและคุณค่าทางสังคม    ตัวอย่างเช่น ในเขต Basque ในประเทศฝรั่งเศส  คนเลี้ยงแกะเชื่อว่าน้ำเชื้อของผู้ชายทำให้เลือดของผู้หญิงก่อตัวเป็นเด็กทารก คล้ายกับนมแช่แข็ง การตั้งครรภ์จึงเปรียบเสมือนการทำเนยแข็ง    ชาวเผ่าฮัวในนิวกินี เชื่อว่าการตั้งครรภ์เกิดจากการผสมน้ำเชื้อของผู้ชายกับประจำเดือนของผู้หญิง  ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ได้จึงต้องมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย   ชาวเกาะทรอเบียนในนิวกินี เชื่อว่าเมื่อวิญยาณของคนตายเข้าไปอยู่ในครรภ์ของผู้หญิงและผสมกับประจำเดือน ผู้หญิงคนนั้นก็จะตั้งครรภ์  ในสังคมทรอเบียนเป็นสังคมที่นับถือญาติข้างแม่  การสืบตระกูลจะเกิดขึ้นจากแม่ไปถึงลูกสาว

          ในหลายๆสังคม  บทบาทของผู้หญิงอาจไม่สำคัญ  ในสังคมมาเลย์เชื่อว่าเด็กทารกเกิดมาจากสมองของผู้ชายที่เป็นพ่อ โดยสมองจะร่วงลงสู่อก ทำให้มีอารมณ์ความรู้สึก และจะเคลื่อนเข้าสู่ครรภ์ผู้หญิง และเติบโตเหมือนเมล็ดพืชอยู่ในครรภ์   ผู้ชายจึงมีบทบาทในการตั้งครรภ์  ผู้ชายเปรียบเสมือนผู้สร้างเมล็ด ผู้หญิงเหมือนดินที่ทำให้เมล็ดงอกงาม เป็นความเชื่อที่พบในสังคมที่นับถือพระเจ้าองค์เดียว และผุ้ใหญ่จะเป็นใหญ่ตามคติของอับบราฮัม  แนวคิดนี้เป็นความเชื่อดั้งเดิมในสังคมตะวันตก และบางส่วนในสังคมตะวันออก  สังคมที่นับญาติข้างพ่อบางแห่งจะยกย่องผู้ชายมาก เช่น สังคมอิสลาม เมื่อภรรยาตั้งครรภ์ ผู้หญิงถูกควบคุมทางเพศ ผู้หญิงจะต้องสวมผ้าคลุมหน้าและแยกตัวอยู่ในพื้นที่เฉพาะ เพราะเชื่อว่าต้องดูแลทายาทที่จะเกิดมาให้ปลอดภัย

          เมื่อมีการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการตั้งครรภ์ เช่น การทดสอบการตั้งครรภ์  ทำให้การตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่ผู้หญิงควบคุมได้ด้วยตัวเอง และรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในครรภ์ของเธอบ้าง  เมื่อมีการทำให้รู้สึกว่าทารกกำลังดิ้นอยู่ในครรภ์ ผู้หญิงอาจล้มเลิกความเชื่อที่ว่าประจำเดือนคือสาเหตุของการตั้งครรภ์   ในวัฒนธรรมที่เรื่องสุขภาพถูกอธิบายว่าเป็นเรื่องของของเหลวในร่างกายที่ไหลเวียนอย่างอิสระ เช่นในสังคมโคลัมเบีย จาไมก้า และเขตชนบทของกรีซ  เมื่อสุขภาพทรุดโทรม จึงมีสาเหตุจากการที่ของเหลวไม่อาจไหลเวียนได้ตามปกติ ผู้หญิงจึงต้องใช้สมุนไพร หรือตัวยาอื่นๆ เพื่อให้ประจำเดือนไหลตามปกติ และเพื่อบำรุงสุขภาพด้วย เช่นในจาไมก้ามีการใช้ตัวยาที่เรียกว่า ยาล้างท้อง (washout) ความเชื่อและการปฏิบัติดังกล่าวทำให้ผู้หญิงควบคุมการตั้งครรภ์ และทำให้การเจริญพันธุ์มีคุณค่าสูงในสังคม

          ในหลายวัฒนธรรม มีพิธีกรรมเกี่ยวกับการบริโภคอาหารบางอย่างในช่วงตั้งครรภ์  ในสังคมมาเลย์ ช่วงตั้งครรภ์คือช่วงเวลาพิเศษ  อาหารที่จะนำมาให้หญิงมีครรภ์ต้องทำให้ร้อน และห้ามกินผลไม้บางอย่าง  ในสังคมของชาวอิว ทางตะวันตกของแอฟริกา ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์จะกินดินเพราะเชื่อว่ามีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เช่นเดียวกับอาหารที่นิยมบริโภคในสังคมอุตสาหกรรม  ในเขตชนบทของกรีซ  ไม่มีการควบคุมอาหารสำหรับหญิงมีครรภ์  ถ้าเธออยากกินผลโอลิฟ เธอก็จะได้ตามต้องการ หรือได้กินผลไม้ที่คล้ายๆโอลิฟ   ผู้หญิงชาวทานาล่า ในมาลากาซี มีข้อห้ามว่า ห้ามแตะต้องถั่วที่มีจุด เพราะจะทำให้เด็กที่เกิดมาตาบอด

          ในสังคมยุโรปและอเมริกา มีความเชื่อว่าอารมณ์ของแม่จะแปรปรวนช่วงที่มีการตั้งครรภ์ และอาจส่งผลต่อลูกในครรภ์ได้  ข้อห้ามต่างๆเกี่ยวกับการตั้งครรภ์สะท้อนความหลากหลายของความเข้าใจเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูก และการให้กำเนิดทารกจะมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ในสังคมนั้นๆ   แต่กฎระเบียบทางวัฒนธรรมมิใช่สิ่งที่ถาวร  ผู้หญิงในสังคมต่างๆอาจมีทางเลือกตามปัจจัยที่จะเอื้ออำนวยให้   ในสหรัฐอเมริกา ข้อห้ามสำหรับการตั้งครรภ์ล้วนมาจากการแพทย์ในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ซึ่งสร้างความรู้เกี่ยวกับการตั้งครรภ์และการให้กำเนิดไว้มาก  ความรู้ดังกล่าวนี้นำมาพร้อมกับการผดุงครรภ์และการดูแลหลังคลอด  มีการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เข้ามาช่วย  โดยเฉพาะเรื่องการดูแลแม่ก่อนคลอด

          การผดุงครรภ์ ก่อนการคลอดได้แพร่กระจายไปทั่วโลก  การดูแลแม่ต้องอยู่ในสายตาของแพทย์  เช่นในอเมริกา ผู้หญิงที่ยากจนไม่อาจเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ และเป็นเหตุผลทำให้คนจนประสบปัญหาการตั้งครรภ์สูงกว่าคนกลุ่มอื่น   ในหลายวัฒนธรรมความสำเร็จของการตั้งครรภ์ขึ้นอยู่กับการทำพิธีกรรมของสามี  คำว่า couvade หมายถึงการกกไข่ ใช้อธิบายการผดุงครรภ์ก่อนและหลังคลอด ซึ่งผู้เป็นสามีจะทำหน้าที่นี้  พ่อชาวมาเลย์จะต้องเปิดระตูบ้าน และห้ามฆ่าสัตว์  ในเขตชนบทของกรีซ ผู้ชายจะต้องปลดเข็มขัดให้หลอมๆตอลดเวลาที่ภรรยาตั้งครรภ์ เพื่อทำให้เด็กคลอดง่าย  ในวัฒนธรรมอเมริกาใต้บางแห่ง ผู้ชายต้องงดกินอาหารเช่นเดียวกับภรรยาตอลดที่มีการตั้งครรภ์ และเมื่อภรรยาถึงเวลาคลอด สามีต้องแยกตัวไปอยู่กระท่อมส่วนตัวร่วมกับผู้ชายคนอื่นๆ และต้องแสดงอาการเจ็บปวดแทนภรรยาขณะคลอด 

       ชาวยุโรปและชาวอเมริกัน ผู้เป็นพ่อจะต้องเข้าไปร่วมเรียนรู้การดูแลครรภ์และเด็กพร้อมกับภรรยา และต้องเข้าไปเฝ้าภรรยาขณะทำการคลอด  บางครั้งอาจต้องเข้าไปดูแลภรรยาในระยะต่างๆ ตั้งแต่การแพ้ท้อง การอาเจียน และการเจ็บปวดหลังคลอด   ในสังคมตะวันตก บทบาทของผู้ชายในช่วงเจริญพันธุ์ขยายขอบเขตมากกว่าไปกว่าการดูแลภรรยา โดยมีผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือตลอดระยะเวลาตั้งครรภ์จนถึงคลอด  ชาวตะวันตกเชื่อว่าการตั้งครรภ์เกิดจากสเปิร์มของผู้ชาย และไข่ของผู้หญิง ตามทฤษฎีของคาร์ทเซียน ซึ่งเป็นแนวคิดวิทยาศาสตร์          ทฤษฎีนี้มีผลต่อการเกิดเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อตอบสนองการเจริญพันธุ์ เช่น การใช้เสปิร์มฝังลงไปในมดลูกของผู้หญิง การย้ายไข่และตัวอ่อน   เทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ได้แยกเรื่องความคิดของการตั้งครรภ์ออกจากการกระทำที่เกิดขึ้น เมื่อหญิงที่หมดประจำเดือนสามารถตั้งครรภ์ได้และเด็กอาจมีพ่อแม่ได้หลายคน  เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่นการทำอุตราซาวน์ และการตรวจตัวอ่อน ทำให้สามารถป้องกันรักษาโรคทางพันธุกรรมของเด็กได้ก่อนที่จะคลอดออกมา  เทคโนโลยียังทำให้เกิดนิยามใหม่ของครอบครัว ความสัมพันธ์และสิทธิของพ่อแม่ สิทธิของผู้หญิงในการควบคุมดูแลร่างกายของตนเอง และ การสร้างกฎหมายเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ในหลายประเทศ  ตัวอย่างเช่น ในประเทศอินเดียการตรวจทารกและการทำแท้งจะทำให้เกิดความแน่ใจว่าเด็กที่เกิดจะเป็นเพศชาย ซึ่งมีผลให้อัตราประชากรชายหญิงเปลี่ยนไป  นักมานุษยวิทยาหลายคนเริ่มตระหนักถึงประเด็นเหล่านี้เพิ่มขึ้น โดยวิจัยเรื่องการตั้งครรภ์และการคลอดบุตร ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่กลางทศวรรษที่ 1980 และรู้จักกันในเวลาต่อมาว่าเป็นการวิจัยเพื่อศึกษาการเจริญพันธุ์


ผู้เขียน: ดร.นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ

เอกสารอ้างอิง:

Dudgeon, M. and M. Inhorn (2004) Men’s influences on women’s reproductive health: Medical anthropological perspectives. Social Science & Medicine, 59: 1379-1395.

Hausman, B (2007) Things (Not) to Do with Breasts in Public: Maternal Embodiment and the Biocultural Politics of Infant Feeding. New Literary History, 38(3): 479-504.

Robbie E.Davis-Floyd and Eugenia Georges. In David Levinson and Melvin Ember (eds.) Encyclopedia of Cultural Anthropology. Henry Holt and Company, New York.pp.1014-1015.

Vitzthum, V. (2008) Evolutionary Models of Women’s Reproductive Functioning. Annual Review of Anthropology, 37:53-73.


หัวเรื่องอิสระ: การตั้งครรภ์