บทความ

แสดง 1-6 จากทั้งหมด 6 รายการ

ทบทวนวิธีการสร้างความรู้ / ความจริงเรื่องเพศ


บทความนี้ต้องการสำรวจแนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับเรื่องเพศ โดยการย้อนมองไปในแวดวงวิชาการตะวันตกที่เริ่มสนใจประเด็นเรื่องเพศมาตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่วิทยาศาสตร์กำลังมีอำนาจทางสังคม  การสำรวจในที่นี้จะย้อนกลับไปมองช่วงเวลานั้นโดยอาศัยมุมมองทางมานุษยวิทยาเพื่อทำความเข้าใจ “ชีวิตทางเพศ” ของมนุษย์ หรือมองเรื่องเพศในมิติทางวัฒนธรรม       ผู้อ่านจะเข้าใจว่ามิติทางวัฒนธรรมของเรื่องเพศนั้นคืออะไร และเกี่ยวข้องกับบริบททางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองอย่างไร   คำถามที่ผู้คนมักจะถามกันบ่อยๆ ก็คือเรื่องเพศเป็นเรื่องของธรรมชาติ หรือเป็นเรื่องทางสังคมวัฒนธรรม   และคำตอบที่ได้รับก็มักจะเป็นการแบ่งคนออกเป็นสองกลุ่มซึ่งถกเถียงกันด้วยแนวคิดทฤษฎีที่ต่างกันระหว่างนักวิทยาศาสตร์ที่เชื่อเรื่องธรรมชาติ  ซึ่งได้ฉายาว่าเป็นพวกเชื่อความจริงแท้ (Essentialist)  กับนักสังคมศาสตร์ที่เชื่อเรื่องสังคมวัฒนธรรม ซึ่งได้ฉายาว่าเป็นพวกเชื่อการผลิตสร้างทางสังคม (Social Constructionist)      สำหรับในบทนี้  ต้องการจะทำความเข้าใจว่ากรอบแนวคิดทฤษฎีที่ต่างกันนั้นส่งผลต่อการอธิบายเรื่องเพศต่างกันอย่างไรบ้าง  และเราจะใช้แนวคิดทฤษฎีเหล่านั้นมาอธิบายปรากฎการณ์เกี่ยวกับเรื่องเพศของมนุษย์ในมิติใด

อ่านต่อ..
คำสำคัญ: เพศภาวะ, เพศวิถี, ทฤษฎีเควียร์, สตรีนิยม, มานุษยวิทยา, ความหลากหลายทางเพศ, เพศศึกษา, จิตเวชศาสตร์

รื้อสร้างมายาคติ “ความเป็นชาย” ในสังคมไทย


        บทความเรื่องนี้เป็นการทบทวนการศึกษา “ความเป็นชาย” ในสังคมไทย ซึ่งมักจะตกอยู่ใต้กระบวนทัศน์แบบตะวันตก ทำให้การอธิบายและการวิเคราะห์บทบาทของผู้ชายทั้งในแง่เพศภาวะและเพศวิถีเป็นการมองแบบสูตรสำเร็จที่เกิดจากบรรทัดฐานของรักต่างเพศ (Heteronormativity)  และอิทธิพลความรู้ทางวิทยาศาสตร์/ชีววิทยา ที่ใช้อธิบายความแตกต่างของเพศภาวะหญิงชาย   กระบวนทัศน์นี้ส่งผลให้ความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นชายในสังคมไทยผูกติดกับเพศสรีระและเชื่อว่าความเป็นชายเป็นสิ่งเกิดขึ้นโดยกำเนิดและติดตัวมากับเพศชาย    นอกจากนั้น ยังทำให้เชื่อว่าผู้ชายเป็นเพศตรงข้ามกับผู้หญิง และมีอำนาจเหนือกว่าผู้หญิง ความเชื่อนี้มีอิทธิพลต่อแนวคิดทฤษฎีเฟมินิสต์ ทฤษฎีอัตลักษณ์ทางเพศ และทฤษฎีจิตเวิเคราะห์ตั้งแต่ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา และได้ถูกทำให้กลายเป็นทฤษฎีสากลสำหรับการอธิบายว่าอะไรคือบทบาทของหญิงและชาย

                การรื้อสร้างมายาคติและภาพตัวแทนดังกล่าวข้างต้น จำเป็นต้องทำความเข้าใจว่าทำไมนักวิชาการไทยจึงศึกษาความสัมพันธ์ชายหญิงด้วยกระบวนัทศน์ตะวันตก ที่เชื่อว่าเป็นสิ่งสากลและนำไปใช้อธิบายปรากฎการณ์เกี่ยวกับเพศภาวะและเพศวิถีได้ทุกหนทุกแห่ง  ความเข้าใจเรื่องเพศภายใต้อิทธิพลความรู้ตะวันตกนี้ได้บิดเบือนและบดบังบริบททางสังคมวัฒนธรรมที่มีเงื่อนไขเฉพาะของสังคมไทย   จนทำให้นักวิชาการกระโจนเข้าหาทฤษฎีเฟมินิสต์ หรืออัตลักษณ์ทางเพศโดยลืมที่จะตั้งคำถามต่อตัวทฤษฎีเหล่านั้น   ในแวดวงวิชาการ เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่าการนำทฤษฎีเกี่ยวกับเพศภาวะและเพศวิถีตะวันตกมาอธิบายบทบาทชายหญิงในสังคมอื่นเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะจะไม่ได้ช่วยให้เข้าใจความหลากหลายของการแสดงออกถึงความเป็นหญิงและชาย   รวมทั้ง   ยังทำให้เกิดการผลิตซ้ำวาทกรรมเรื่องสัญชาตญาณทางเพศที่ธรรมชาติสร้างขึ้น หรืออัตลักษณ์ทางเพศแบบคงที่ถาวร   ดังนั้น การศึกษาความเป็นชายในสังคมไทยจึงต้องตรวจสอบทฤษฎีตะวันตกที่นำมาวิเคราะห์

อ่านต่อ..
คำสำคัญ: ความเป็นชาย, บรรทัดฐานรักต่างเพศ, เพศภาวะ, เฟมินิสม์, สังคมสยาม, ความศิวิไลซ์

มานุษยวิทยากับการศึกษาพฤติกรรมข้ามเพศและรักเพศเดียวกัน


เรื่องเพศ เป็นพรมแดนที่มีเรื่องซ้อนทับกันหลายอย่าง ทั้งสรีระร่างกาย  การแสดงพฤติกรรม อารมณ์ ความรู้สึก ความคิด และการให้คุณค่าและความหมายต่อสรีระและพฤติกรรมทางเพศ  หรือกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องเพศเป็นทั้งสิ่งที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้    แต่การศึกษาเรื่องเพศเป็นเรื่องใหม่ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 ก่อนหน้านั้นเรื่องเพศจะไม่ถูกพูดถึงในวงวิชาการเพราะถูกมองว่าเป็นเรื่องของการสืบพันธุ์หรือการสังวาท เป็นเรื่องต้องห้ามและเป็นบาปทางศาสนา(Bland and Doan, 1994, p.2.)      นักวิทยาศาสตร์ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 คือผู้มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เกิดความคิดเรื่องเพศภาวะและเพศวิถี (Gender and Sexuality) เช่นการศึกษาของ คราฟท์-อีบิง(1886) อธิบายให้เห็นภายภาพของเพศ โดยมองว่าเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างมา เช่น เพศหญิงมีความอ่อนโยน เพศชายมีความเข้มแข็ง  เพศภาวะของผู้หญิงและผู้ชายจึงถูกกำหนดจากเพศสรีระที่ต่างกัน  และเชื่อว่าเพศวิถีที่เป็นความต้องการทางเพศ เป็นแรงขับตามธรรมชาติที่เพศชายจะมีกับเพศหญิงเท่านั้น เพราะถือว่าเป็นการสืบพันธุ์เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์  

อ่านต่อ..
คำสำคัญ: เพศวิถี, เพศภาวะ, มานุษยวิทยา, คนข้ามเพศ, สังคมไทย

การทำความเข้าใจเบื้องต้นเรื่อง Queer Theory (เพศวิภาษ)


การศึกษาเรื่องเพศของมนุษย์ มีเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจหลายระดับ ทั้งเรื่องที่จับต้องมองเห็นได้ สัมผัสได้ เช่น อวัยวะเพศ รูปร่างสรีระ การแต่งกาย กิริยาท่าทาง   กับเรื่องที่มองไม่เห็นและไม่สามารถคาดเดาได้ เช่น อารมณ์ปรารถนา ความเสน่หา ความรัก กามารมณ์ สำนึก ความคิด และความเชื่อ   รวมทั้งการให้คุณค่า การวางกำหนดกฎเกณฑ์ การจัดประเภท การควบคุมพฤติกรรมและอารมณ์ทางเพศ สิ่งต่างๆเหล่านี้สัมพันธ์กับอำนาจทางสังคมที่เข้ามานิยาม ให้ความหมาย และจัดการตามคติความเชื่อและความรู้ที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย  

อ่านต่อ..
คำสำคัญ: เควียร์, เพศวิถี, เพศภาวะ, กระบวนทัศน์, การวิพากษ์, ความรู้

วิพากษ์ “ความเป็นหญิง” ของหญิงในร่างชาย


          บทความเรื่องนี้ต้องการวิพากษ์ “ความเป็นหญิง” (Femininity) ของบุคคลที่เป็นชายใจหญิงหรือหญิงในร่างชาย หรือรู้จักโดยทั่วไปว่ากะเทย เท่าที่ผ่านมาการศึกษาพฤติกรรมและอัตลักษณ์ทางเพศของคนกลุ่มนี้มักจะวางอยู่บนสมมติฐานเรื่อง “ตัวตนที่แท้จริง” (Truth of Self) ที่ซ่อนอยู่ข้างใน ซึ่งเชื่อว่าบุคคลที่เป็นหญิงในร่างชายจะมีจิตใจเป็นหญิงมาตั้งแต่กำเนิด (Born to Be)และค่อยๆพัฒนาอัตลักษณ์ความเป็นหญิงในทางวัฒนธรรมในภายหลัง การอธิบายดังกล่าวนี้เป็นการเชื่อว่าตัวตนของหญิงในร่างชายเป็นผลผลิตจากธรรมชาติมากกว่าจะเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นจากอุดมการณ์เรื่องเพศที่สังคมได้วางกฎเกณฑ์ไว้ ผลที่ตามมาก็คือ เราจะเห็นกลุ่มหญิงในร่างชาย(ชายใจหญิง) ต่างเชื่อมั่นใน “ความเป็นหญิง” ของตนและใช้สิ่งนี้เป็นเครื่องมือในการเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียม    บทความนี้ต้องการชวนให้คิดเพื่อก้าวไปให้พ้นกับดักของ “ตัวตนตามธรรมชาติ” เพื่อที่จะมองใหม่ว่าตัวตนของหญิงในร่างชายไม่ได้เป็นอิสระจากความสัมพันธ์เชิงอำนาจ/ความรู้และบรรทัดฐานทางเพศที่สังคมได้สร้างขึ้นมาแต่อย่างใด

อ่านต่อ..
คำสำคัญ: คนข้ามเพศ, คนแปลงเพศ, ความเป็นหญิง, เพศภาวะ, กะเทย

ความรู้และอำนาจ เบื้องหลังเซ็กและโสเภณี


         บทความนี้เป็นการทบทวนการศึกษาและองค์ความรู้เกี่ยวกับโสเภณี ซึ่งมักจะถูกอธิบายด้วยทฤษฎีของเฟมินิสต์ ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ ทฤษฏีพฤติกรรมศาสตร์ ทฤษฎีเบี่ยงเบนทางเพศ มีผลทำให้สังคมเข้าใจว่าโสเภณีคือความเสื่อมเสียทางศีลธรรม ด้านหนึ่งจะมองว่าโสเภณีเป็นปัญหาสังคมที่เต็มไปด้วยการกดขี่ข่มเหง การเอารัดเอาเปรียบ การล่อลวง การใช้ความรุนแรง การใช้อำนาจ ทำให้ผู้หญิงและเด็ก(ทั้งชายและหญิง)ตกเป็นเหยื่อทางเพศ เป็นคนที่น่าสงสารที่ต้องได้รับการช่วยเหลือและสงเคราะห์  อีกด้านหนึ่งมองโสเภณีในมิติทางเศรษฐกิจที่ลดคุณค่าของความเป็นมนุษย์ ร่างกายและสรีระทางเพศจะถูกทำให้เป็น “วัตถุ” (สินค้า) เพื่อตอบสนองตัณหาราคะ ปราศจากความรักและความเมตตา โสเภณีจะถูกตีตราว่าเป็น “คนไม่ดี”  ผู้ซื้อบริการทางเพศจะถูกประณามว่า “ส่ำส่อน” หรือหมกมุ่นในกาม  ความคิดทั้งสองด้านนี้ทำให้โสเภณีกลายเป็น “อันตราย”  บทความนี้ต้องการชี้ให้เห็นว่าความเข้าใจดังกล่าวเป็นการมองโสเภณีเพียงผิวเผิน และทำให้เซ็กเป็นความสกปรกโสมม จึงมีความจำเป็นต้องตรวจสอบความเข้าใจเหล่านี้โดยผู้เขียนจะนำข้อสังเกตของมิเชล ฟูโกต์ เรื่อง Deployment of Sexuality มาเป็นแนวทางวิเคราะห์เพื่อชี้ให้เห็นว่าเซ็กและโสเภณีในสังคมทุนนิยม/บริโภคนิยมคือกลไกและผลผลิตของปฏิบัติการเชิงอำนาจและความรู้แบบวิทยาศาสตร์  ที่สร้างระเบียบและกฎกติกาใหม่ของการแสดงความปรารถนาทางเพศของมนุษย์

อ่านต่อ..
คำสำคัญ: โสเภณี. เซ็ก, ทุนนิยม, บริโภคนิยม, เฟมินิสต์, อำนาจ, เพศภาวะ, เพศวิถี, กามารมณ์